เครื่องออกซิเจนปัจจุบันมีหลายรุ่นหลายขนาดให้เลือก ซึ่งหน่วยของเครื่องจะเป็น ลิตร/นาที (LPM) หมายถึง อัตราการไหลของออกซิเจนใน 1 นาที ซึ่งผู้ป่วยแต่ละคนจะมีความต้องการอัตราการไหลของออกซิเจนที่แตกต่างกันออกไปตามอาการ เพื่อความปลอดภัยในการใช้งาน ญาติหรือผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์เจ้าของไข้เพื่อจะได้พิจารณาเลือกซื้อเครื่องได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม
ขนาด 3-5 ลิตรต่อนาที
เป็นรุ่นที่นิยมใช้กันเยอะ สำหรับผู้ที่มีปัญหาทางเดินหายใจ รู้สึกหอบหรือเหนื่อยง่ายกว่าปกติ และผู้ที่รู้สึกอ่อนเพลียโดยมีสาเหตุมาจากสภาพอากาศ พักผ่อนไม่เพียงพอ หรือมีออกซิเจนไม่เพียงพอ สามารถใช้ร่วมกับ Nasal Cannula ในการให้ออกซิเจน ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับว่าแพทย์สั่งว่าควรใช้ในปริมาณไหน เครื่องสเปค 5 ลิตร/นาที ก็เพียงพอแล้ว
ขนาด 6-8 ลิตรต่อนาที
เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่ต้องการความเข้มข้นของออกซิเจนในเลือดสูงขึ้นกว่าปกติ รวมถึงผู้ป่วยที่เจาะคอ สามารถใช้ร่วมกับ Nasal Cannula หน้ากากพร้อมถุงเก็บออกซิเจน (Mask With Bag) และหน้ากากสำหรับผู้ป่วยเจาะคอ (Tracheostomy Mask) ที่ต่อกับกระปุกให้ความชื้น
ขนาด 8-10 ลิตรต่อนาที
เหมาะสำหรับผู้ป่วยเจาะคอ และผู้ป่วยทั่วไปที่ต้องการความเข้มข้นของออกซิเจนสูง สามารถใช้ร่วมกับหน้ากากพร้อมถุงเก็บออกซิเจน (Mask With Bag) และหน้ากากสำหรับผู้ป่วยเจาะคอ (Tracheostomy Mask) ต่อกับกระปุกให้ความชื้น
และ เครื่องที่ใช้แรงดันสูง 20 Psi เครื่องลักษณะนี้ จะเป็นชนิดพิเศษกว่ารุ่นอื่นๆ เพราะสามารถใช้งานได้ครอบคลุมกับทุกประเภท และใช้งานกับอุปกรณ์ออกซิเจนได้ทุกรูปแบบ แต่ที่นำไปใช้บ่อยๆ จะใช้กับผู้ป่วยที่เจาะคอ โดยใช้อุปกรณ์เป็นกระปุกแบบปรับ % ทำความชื้นเพื่อละลายเสมหะที่เหนียวข้นของผู้ป่วยเจาะคอได้
ค่าออกซิเจนในเลือด โดยปกติแล้ว คนทั่วไปที่สุขภาพดีจะมีค่าอิ่มตัวของออกซิเจนในเลือด (SpO2) มากกว่า 95% ขึ้นไป ดังนั้นหากวัดค่าออกซิเจนแล้วมีค่าต่ำกว่า 94% ซึ่งจะทำให้มีอาการหายใจสั้น หายใจถี่ หายใจลำบาก หายใจมีเสียงหวีด หัวใจเต้นเร็วกว่าปกติ เหงื่อออก คลื่นไส้ อาเจียน และอาจจะทำให้ผิวหนังซีดหรือเขียวคล้ำ การรู้ตัวลดลง ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าภายนอก หากปล่อยไว้อาจเกิดอาการเพ้อ ชัก หมดสติ อาจเข้าสู่ภาวะโคม่า และอาจเสียชีวิตได้
การใช้เครื่องผลิตออกซิเจนที่ใช้ภายในบ้านเพื่อบำบัด ถือเป็นอีกทางเลือกสำหรับท่านที่ต้องการให้ออกซิเจน แต่หากยังไม่แน่ใจว่าต้องใช้กี่ลิตรหรือจำเป็นต้องใช้หรือเปล่า แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ก่อนเบื้องต้น